สวัสดีค่ะ ก้อยหายไปจากการเขียนเล่าเรื่องราวต่าง ๆ นานเหมือนกันนะเนี่ย จะมีใครคิดถึงบ้างมั้ยนะ ^__^
ตอนนี้ชีวิตวุ่นวายพอสมควรค่ะ หลังจากลาออกจากงานแล้วก้อยก็ทำวิจัยฝุ่น ใช้ทุนจนหมดแล้วค่ะ ใกล้จะกินเกลือเต็มที แถมตอนนี้ยังสนุกสนานกับการเข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ก้อยจะมาเล่านี่แหละค่ะ…เผื่อจะมีประโยชน์กับใครบ้าง
ก่อนหน้านี้ป๋าจะบ่นให้ก้อยได้ยินเสมอเวลาเดินไปสวนว่าเจ็บหน้าอก ให้ก้อยเดินไปก่อน ไม่ต้องรอ ป๋าขอหยุดพักให้หายเจ็บก่อนแล้วจะตามไปเอง แรก ๆ ก้อยก็กลัวป๋าจะเป็นลมเลยเดินรอ แต่บ่อยครั้งก็ไม่ห่วงแล้วเพราะอาการเจ็บหน้าอกที่ว่านั้นเจ็บไม่กี่นาทีก็หาย ป๋าสามารถเดินได้ตามปกติ ซึ่งอาการแบบนี้ป๋าเล่าว่าเป็นบ่อยเวลาไปเดินออกกำลังกาย ป๋าต้องหยุดเดินสักพักเพื่อให้หายเจ็บแล้วค่อยเดินต่อ พวกเราก็จะเคยชินกับการบอกเล่าของป๋าจนไม่เอะใจอะไร…จนเมื่อปลายเดือนสิงหาคมนี่เองที่ป๋ามีอาการเจ็บหน้าอกทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ออกแรงทำอะไร และเจ็บนานจนต้องมาหาหมอที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ซึ่งการมาหาหมอครั้งนี้เป็นการยื่นบัตรตามปกติ ซึ่งใช้เวลาในการรอคิวนานมาก นานจนหายเจ็บเลยค่ะ หลังจากได้พบคุณหมอแล้ว คุณหมอก็ส่งไปตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และนัดติดตามอาการอีกหนึ่งอาทิตย์
ถึงกำหนดนัดก้อยก็พาป๋าไปหาหมอตามนัด คุณหมอก็สอบถามอาการ และแจ้งการสันนิษฐานให้ทราบว่าน่าจะเกี่ยวเนื่องกับหัวใจ อาจจะตีบ หรือ เส้นเลือดตาย และคุณหมอจะถามทั้งสองครั้งว่าคนไข้สูบบุหรี่หรือไม่ ถ้าเคยสูบ ก่อนหน้านี้สูบมาก-น้อยแค่ไหน เลิกมานานหรือยัง และดื่มอัลกอฮอล์หรือไม่ (ป๋าเคยสูบบุหรี่ตอนหนุ่ม ๆ ค่ะ เลิกสูบมานานแล้ว ประมาณ 30 ปี ส่วนอัลกอฮอล์ไม่ดื่มค่ะ) และการจะทราบแนวทางการรักษาต่อไปคุณหมอนัดมาเดินสายพานอีกหนึ่งอาทิตย์ (ก่อนนัดคุณหมอก็สอบถามก่อนว่าคนไข้เดินไหวมั้ย / ป๋าก้อยอายุ 74 ปีค่ะ) และแจ้งว่าถ้ามีอาการเจ็บหน้าอกอีกให้ไปที่ห้องฉุกเฉิน ไม่ต้องรอตามคิว
วันที่หมอนัดเป็นนัดช่วงบ่ายค่ะ แต่แม่โทรฯมาบอกว่าให้ก้อยมารับป๋าไปโรงพยาบาลตั้งแต่ 10 โมง เพราะป๋ามีอาการเจ็บหน้าอกอีก และเจ็บมานานแล้ว คราวนี้ก้อยพาป๋าส่งห้องฉุกเฉินค่ะ สรุปว่าคุณหมอให้ x-ray หน้าอก ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และฉีดยาละลายลิ่มเลือดที่หน้าท้อง พร้อมทั้งให้นอนโรงพยาบาลค่ะ รอบนี้นอน 2 คืนค่ะ ก่อนที่คุณหมอจะอนุญาตให้กลับบ้าน พร้อมกับใบนัดของหมอด้านหัวใจโดยตรงให้เข้ามาทำ Echo อีกหนึ่งอาทิตย์หลังออกจากโรงพยาบาลค่ะ
ถึงกำหนดนัดก้อยก็พาป๋ามาพบคุณหมอตามนัดเพื่อทำ Echo หลังจากทำเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณหมอก็เรียกมาฟังผล ซึ่งผลที่ได้คือเส้นเลือดหัวใจมีปัญหา แต่บอกไม่ได้ว่ามากหรือน้อย การจะไปต่อคือการฉีดสี ซึ่งคุณหมอก็แจ้งว่ามีความเสี่ยง แต่การไม่ทำเป็นความเสี่ยงมากกว่า เพราะเส้นเลือดหัวใจตีบเป็นเหมือนระเบิดเวลา ที่เราไม่สามารถรู้ได้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอาการตอนไหน ซึ่งก้อยกับป๋าก็ตัดสินใจว่าจะทำการฉีดสี คุณหมอแจ้งด้วยว่าในการฉีดสีถ้าเจอเส้นเลือดตีบที่สามารถแก้ไขได้คุณหมอก็จะทำบอลลูนให้เลย และการรักษาทั้งหมดนี้เป็นการใช้สิทธิของบัตรทอง ไม่มีค่าใช้จ่ายค่ะ แต่การฉีดสีถ้าจะให้เร็วคุณหมอจะส่งตัวไปทำที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-ภูเก็ต มีค่าใช้จ่ายค่าห้อง 2,700 บาท ถ้าทำที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ต้องรออีกประมาณ 1-2 เดือน ก้อยเลยตัดสินใจให้ทำที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-ภูเก็ต ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าจะส่งตัวไปอาทิตย์หน้า…เร็วมากเลยค่ะ
ขั้นตอนก่อนการส่งตัวก็จะมีการเจาะเลือดเพื่อตรวจหาเชื้อ HIV และนัดมาฟังผลเลือดในวันที่นัดเจาะเลือด ตรวจ Echo และ X-ray ก่อนการส่งตัวไปฉีดสี 1 วัน สำหรับเอกสารการส่งตัวและข้อมูลของคนไข้ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมให้เรียบร้อยค่ะ และให้ญาติคนไข้ถือไปโรงพยาบาลกรุงเทพ-ภูเก็ต ในวันที่เข้ารักษาตัวเลยค่ะ … วันรุ่งขึ้นก้อยก็พาป๋าไปโรงพยาบาลกรุงเทพ-ภูเก็ต เพื่อทำการฉีดสีค่ะ พร้อมกับใบส่งตัว เอกสารต่าง ๆ ของคนไข้ และห้ามลืมยาของคนไข้นะคะ (อันนี้สำคัญมากค่ะ เพราะป๋ามีทั้งยาเบาหวาน ยาความดัน และยาโรคหัวใจ) เกือบลืมแน่ะ…คนไข้ต้องงดน้ำ-อาหาร หลัง 7 โมงเช้าด้วยค่ะ
ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ-ภูเก็ต พยาบาลจะซักประวัติคนไข้ วัดความดัน และตรวจดูยาของคนไข้ คุณหมอที่ทำการรักษาจะดูแฟ้มของคนไข้ที่ส่งมาจากโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต คุยกับคนไข้ สอบถามอาการ และแจ้งรายละเอียดให้ทราบว่าจะทำอะไรบ้าง ก่อนจะส่งตัวคนไข้ไปเตรียมความพร้อมค่ะ ขั้นตอนนี้พยาบาลจะเข้ามาทำความสะอาด โกนขน วัดความดัน ก่อนส่งเข้าห้องฉีดสี ซึ่งญาติจะต้องรอหน้าห้องอย่างน้อย 1 คน / เข้าใจว่าเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินค่ะ
รอประมาณหนึ่งชั่วโมง คุณหมอก็ออกมาบอกว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ ผลการฉีดสีคือเส้นเลือดตีบทั้ง 3 เส้น และในวันนี้คุณหมอทำบอลลูนให้แล้ว 1 เส้น เป็นเส้นที่ตีบ 90% และน่าจะเป็นเส้นที่ทำให้มีอาการเจ็บ ส่วนอีก 2 เส้นคุณหมอนัดให้มาทำอีก 1 เดือนค่ะ เหตุผลที่คุณหมอไม่ทำให้ทั้ง 3 เส้น ทั้ง ๆ ที่อีก 2 เส้นก็ตีบมากกว่า 80% เพราะเกรงว่าไตจะมีปัญหาค่ะ…ออกจากห้องฉีดสี ป๋าก็ถูกส่งเข้าห้อง CCU 1 คืน วันรุ่งขึ้นก็กลับบ้านได้ค่ะ ^__^ หลังจากนี้ 1 อาทิตย์ มีนัดกับคุณหมอที่ดูแลคนไข้ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ตค่ะ พร้อมทั้งส่งผลการรักษา(ฉีดสี) ให้ด้วยค่ะ
ฝากเป็นข้อมูลให้กับทุกคนที่กำลังมีอาการเจ็บหน้าอก อย่าเพิกเฉยนะคะ อย่าปล่อยให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ สู้ ๆ ค่ะ